เมื่อผู้ปกครองส่วนใหญ่ต้องทำงานที่บ้านและโรงเรียนต้องปิดจากวิกฤตโควิด-19 การที่ต้องทำงานที่บ้านไปพร้อมกับการอยู่ร่วมกับเด็ก ๆ จึงอาจไม่ใช่เรื่องง่ายและผู้ปกครองต้องปรับตัวเพื่อให้สามารถทำงาน ดูแลเด็ก ๆ ดูแลบ้านพร้อมไปกับการรักษาสุขภาพของตนเอง ผู้ปกครองที่ต้องทำงานที่บ้านไปพร้อมกับการดูแลเด็ก ๆ อาจมีอาชีพที่หลากหลาย มีตำแหน่ง หน้าที่ ภาระงานที่แตกต่างกัน แต่สิ่งที่ผู้ปกครองไม่ว่าจะประกอบอาชีพใดต้องการมากที่สุดในขณะนี้คือการยอมรับว่าทุกคนอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน ไม่มีการแบ่งพื้นที่ที่ชัดเจนเด็ดขาดระหว่างการดูแลรับผิดชอบครอบครัว ความรับผิดชอบในการทำงานและการดูแลสุขภาพของตนเอง
ในสถานการณ์เปลี่ยนผ่านที่ไม่แน่นอนนี้กุญแจสู่ความสำเร็จคือ การสื่อสารอย่างเปิดเผย ต่อเนื่องและสร้างสรรค์ทั้งในที่ทำงาน ละแวกบ้านและที่บ้าน เพื่อจะช่วยหาไอเดียหรือเคล็ดลับการทำงานที่บ้านของผู้ปกครองที่มีเด็กอยู่บ้านด้วย บทความนี้จึงจะขอนำเสนอกลเม็ดเคล็ดลับเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่มาจากการรวมจากกรณีศึกษาในสหรัฐอเมริกา เช่น เคล็ดลับจากคุณแม่นักเขียนฟรีแลนซ์ลูกสี่ หรือสามีภรรยาที่ทำงานในAmazon และเป็นผู้บริหารบริษัทสตาร์ทอัพที่เพิ่งเปิดตัวมาให้ผู้ปกครองได้ลองนำไปใช้เพื่อปรับตัวสำหรับการทำงานที่บ้านและดูแลเด็ก ๆ ให้มีประสิทธิภาพที่สุดและส่งผลดีต่อตัวผู้ปกครอง องค์กร และบริษัทในภาพรวม
- แบ่งงานการดูแลเด็กๆ ให้กับสมาชิกคนอื่นในบ้านบ้าง แต่หากไม่สามารถทำได้ผู้ปกครองก็ควรจะมีการวางแผนการดูแลเด็ก ๆ เอาไว้ล่วงหน้า โดยอาจลองทำอะไรที่สามารถเตรียมการไว้ก่อนได้ เช่น การเตรียมอาหาร เตรียมบทเรียน หรือของเล่นให้เด็ก ๆ
- ให้ความสำคัญกับสุขภาพจิต สุขภาพใจของตัวผู้ปกครองเอง
- ให้กำลังใจเพื่อนร่วมงาน หรือทีมงานที่ต้องดูแลเด็ก ๆ ที่บ้าน อาจหากิจกรรมร่วมกัน เช่น การหาคู่หูร่วมเขียนงาน หรืออาจจิบกาแฟคุยกันผ่านช่องทางออนไลน์ในเรื่องต่าง ๆ
- ลองวางแผนสำหรับการทำงานจากที่บ้าน ซึ่งในแผนนี้ควรรวมถึงความพร้อมในทำงาน การจัดลำดับความสำคัญของงานและการติดต่อกับผู้จัดการทีม ลูกค้า เอาไว้ด้วย
- อธิบายสถานการณ์ให้เด็ก ๆ เข้าใจ ว่าคุณต้องทำงานด้วยแม้จะอยู่บ้านและเด็ก ๆ ก็อาจต้องเล่นกันเองหรือเล่นด้วยตัวเอง
- ทำตารางสำหรับชั่วโมงทำงาน โดยบอกให้เด็ก ๆ รู้ว่าเมื่อไหร่ที่คุณจะต้องทำงาน และเมื่อไหร่ที่คุณจะมีเวลาเล่นกับพวกเขา
- หากมีเด็กที่โตกว่าอยู่ในบ้าน ควรให้พวกเขาช่วยดูแลน้องๆ ที่เด็กกว่า
- ทำกล่องของเล่นที่มีเกม และของเล่นให้เด็ก ๆ ได้เล่นระหว่างที่คุณทำงาน
- มอบหมายการบ้านให้เด็ก ๆ แม้จะไม่ต้องโฮมสคูล อาจเป็นการบ้านง่าย ๆ เช่น การตอบคำถามง่าย ๆ ซึ่งคุณสามารถเสิร์ชหาได้ในอินเตอร์เน็ต
- ฝึกสมาธิตามช่อง YouTube ทั้งสำหรับผู้ปกครองเองและเด็ก ๆ
- ถ้าทุกอย่างไม่ได้ผลอาจอนุโลมให้เด็ก ๆ ได้เล่นแท็บเล็ต โทรศัพท์หรือดูทีวีเพิ่มขึ้นได้
- ลางานหากคุณสามารถลาได้
- รักษากิจวัตรแบบเดิมที่เคยทำก่อนวิกฤติโควิด – 19 เอาไว้ให้เป็นปกติที่สุด
- สร้างตารางกิจกรรมที่มีความสร้างสรรค์ พลิกแพลงในแต่ละสัปดาห์ควบคู่ไปกับกิจวัตรปกติ
- สลับไปใช้วิธีการใหม่ ๆ ทำในสิ่งเก่าที่เคยทำ เช่น ถ้าเด็ก ๆ เคยมีกิจกรรมสุดสัปดาห์ ควรต้องพยายามรักษามันไว้โดยอาจเปลี่ยนรูปแบบ เช่น การให้เด็ก ๆ ได้คุยเล่น หรือเล่นกับเพื่อนของพวกเขาผ่านช่องทางออนไลน์ หรืออาจให้ได้เด็ก ๆ ได้ลองลงคอร์สเรียนออนไลน์ดู ซึ่งอาจเป็นกิจกรรมที่ให้เด็ก ๆ ได้ออกกำลังบ้าง
- มีตารางเวลาที่ยืดหยุ่น จากประสบการณ์ของนักเขียนฟรีแลนซ์แม่ลูกสองชี้ว่ากิจวัตรประจำวันที่ตายตัวนั้นอาจไม่ได้ผลเสมอไป การมีตารางเวลาที่ยืดหยุ่นส่งผลดีต่อสุขภาพจิต การยอมรับว่าสิ่งต่าง ๆ นั่นเปลี่ยนแปลงเสมอเป็นสิ่งที่ทำให้ทุกอย่างคลี่คลาย
- ควรมองสถานการณ์และคาดหวังตามจริง ในขณะที่ก็ต้องรักษาความท้าทายในการตั้งเป้าหมายระยะสั้น-ระยะยาวในการทำงานและใช้ชีวิตเอาไว้
- ควรโฟกัสในสิ่งที่เราประสบความสำเร็จไม่ควรมุ่งเน้นเฉพาะสิ่งที่เราต้องทำในรายการที่ต้องทำ เพื่อกำหนดมาตรฐานความสำเร็จของเราเอง
- จัดลำดับความสำคัญของงาน
- อย่าลืมเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์ของตนเอง หางานอดิเรกทำ เพราะความคิดสร้างสรรค์เป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพกายและใจของเรา
- รักษาความสัมพันธ์ทางสังคมผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น การสไกป์ ซูมหรือเฟซไทม์ เพราะความเหงาในช่วงการกักตัวอาจทำให้ร่างกายอ่อนแอลง ได้ ความโดดเดี่ยวในระยะยาวอาจทำให้เครียด ทำให้ภูมิคุ้มกันลดลง
การทำงานที่บ้านไปพร้อมกับการดูแลเด็ก ๆ ในภาวะที่มีโรคระบาด มีพื้นที่ที่จำกัดและต้องรักษาระยะห่างทางสังคม เป็นโจทย์ใหญ่ที่ท้าทายผู้ปกครองอย่างมาก ยังไม่รวมถึงการที่บางคนอาจต้องโฮมสคูลเด็ก ๆ อีกด้วย สิ่งสำคัญที่สุดคือการสื่อสารอย่างต่อเนื่องกับที่ทำงาน เพื่อน เพื่อนบ้าน ญาติและคนในครอบครัว เพื่อบรรเทาความกดดัน ความเครียดและความรับผิดชอบลงบ้าง จากประสบการณ์ของผู้ปกครองในสหรัฐฯ ท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้ เราอาจต้องกลับมาพึ่งพาละแวกบ้านหรือชุมชนมากขึ้นในการช่วยเหลือดูแลกัน ซึ่งสิ่งที่เราต้องยอมรับคือพวกเราอาจไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มร้อยเหมือนกับการออกไปทำงานปกติ แต่หากเข้าใจและยอมรับสภาพความเป็นจริง และมีความยืดหยุ่นในการใช้ชีวิต จะทำให้เราปรับตัวง่ายขึ้น
อ้างอิง
https://hbr.org/2020/03/a-guide-for-working-from-home-parents
https://www.timeshighereducation.com/blog/tips-working-home-children