การแถลงผลการสำรวจเนื้อหารายการโทรทัศน์ช่องเด็ก เยาวชน และครอบครัวบนทีวีดิจิทัล ของ3สถานี ได้แก่ 1. ช่อง3 Family 2. MCOT Family และ 3.LOCA ของ เครือข่ายครอบครัวเฝ้าระวังและสร้างสรรค์สื่อ มูลนิธิเครือข่ายครอบครัว โดยการสนับสนุนของสถาบันสื่อเด็กและเยาวชน(สสย.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) เมื่อวันที่ 10 มีนาคม ที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ กรุงเทพฯ
ผังรายการช่องเด็กมีแต่เรต”ท”แนะยกระดับการเรียนรู้
นางอัญญาอร พานิชพึ่งรัถ ประธานเครือข่ายครอบครัวเฝ้าระวังและสร้างสรรค์สื่อ กล่าวว่า เป็นการสำรวจตามอัธยาศัยและบันทึกข้อมูลที่พบเห็นลงในเครื่องมือระหว่าง เดือนตุลาคม -พฤศจิกายน 2557 พบว่า ช่อง 3 Family จำนวน 66 รายการ มีรายการที่จัดเรตก่อนออกอากาศ 57 รายการ และไม่จัดเรต 9 รายการ ,MCOT Family 62 รายการ จัดเรต 58 รายการ ไม่จัดเรต 4 รายการ และ LOCA 47 รายการ จัดเรต 22รายการ ไม่จัดเรต 25รายการ โดย ช่อง3 Family และ MCOT Family มีการจัดเรต “ท” มากที่สุด ส่วน LOCA พบว่ารายการไม่จัดเรตมากที่สุด และเป็นช่องที่จัดเรตเนื้อหารายการไม่ตรงกับเกณฑ์มากที่สุด
นอกจากนั้นเมื่อวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายและเนื้อหารายการตามทฤษฏี+6-3 โดยพิจารณาประเด็นการส่งเสริม หรือบวก6ด้าน คือ ด้านระบบคิด ด้านวิชาการ คุณธรรมจริยธรรม ทักษะการใช้ชีวิต การยอมรับความแตกต่างและหลากหลาย และด้านสัมพันธภาพในครอบครัว ส่วนลบ 3 ด้านไม่เหมาะสมในเรื่องพฤติกรรม ได้แก่ ความรุนแรง เพศ และภาษา พบว่า ช่อง3 Family และ MCOT Family จะมุ่งเน้นการส่งเสริมด้านทักษะการใช้ชีวิตมากที่สุด รองลงมาส่งเสริมด้านวิชาการ และระบบความคิด คุณธรรมจริยธรรม การยอมรับความแตกต่างและหลากหลาย และส่งเสริมความสัมพันธภาพ ตามลำดับ ขณะที่ LOCA มุ่งส่งเสริมด้านคุณธรรมจริยธรรม รองลงมาเรื่องระบบคิด วิชาการ การยอมรับความแตกต่างและหลากหลาย ทักษะการใช้ชีวิต และสัมพันธภาพในครอบครัว ตามลำดับ
สถานีโทรทัศน์ ทั้ง3ช่อง มีรายการสำหรับกลุ่มผู้ชมอายุ3-5ปี(ป3+)น้อยมาก หรือแทบจะไม่มี มีเพียงของช่อง3 Family 1รายการ ส่วนรายการสำหรับกลุ่มผู้ชมอายุ 6-12 ปี(ด6+) ช่อง3 Family มี9รายการ MCOT Familyมี14รายการ และLOCAมี 14รายการ อย่างไรก็ตาม ในการสำรวจดังกล่าว ทางเครือข่ายจะนำเสนอผลไปยังกสทช. และจะมีการดำเนินการสำรวจอีก3ครั้งเพื่อให้ได้สัดส่วนรายการโทรทัศน์ช่อง เด็กฯที่เหมาะสม

พื้นที่สื่อสำหรับเด็กมีน้อย…เท่าเดิม
น.ส.เข็มพร วิรุณราพันธ์ ผู้จัดการสถาบันสื่อเด็กและเยาวชน กล่าวว่ารายการเด็ก พื้นที่สื่อสำหรับเด็กนั้น ได้มีการผลักดันเรื่องนี้มานาน แต่สุดท้ายก็มีเพียงไม่กี่ช่อง หรือแถบจะไม่มีเลย เพราะด้วยกลไกทางธุรกิจ ขณะเดียวกันการทำรายการเด็กให้เหมาะสมกับเด็กจริงๆ ยิ่งเด็กเล็กก็ยิ่งทำรายการยาก เรื่องรายการเด็ก พื้นที่สื่อสำหรับเด็กแม้จะมีการพูดถึงกันบ่อย พยายามให้มีให้มากแต่ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องใหม่ของสังคมไทย เพราะสังคมไทยไม่มีบทเรียน ไม่มีอุดมการณ์ในการส่งเสริมการจัดรายการเด็ก
“การจัดทำรายการเด็กไม่ใช่เรื่องง่ายของสถานี แต่ก็ใช่ว่าสถานีต่างๆจะไม่สามารถจัดรายการเด็กได้ เพียงแต่ต้องปรับเปลี่ยนรสนิยมในการช่องโทรทัศน์ของเด็ก ลดการเสพติดรายการโทรทัศน์ของผู้ใหญ่ เพราะเมื่อก่อน ไม่มีรายการเด็กให้ดู เด็กจึงดูแต่รายการผู้ใหญ่ ทำให้รสนิยมในการดูรายการของเด็กจึงเป็นรสนิยมแบบผู้ใหญ่ ดังนั้น การจะจัดรายการเด็กต้องเปลี่ยนรสนิยมของเด็ก ควบคู่ยกระดับการเรียนรู้ของเด็ก รวมถึงต้องมีการดึงนักวิชาการ ผู้มีความรู้ ความเข้าใจในเรื่องเด็ก มาช่วยในการจัดรายการ พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ที่มีเทคนิคในการเลี้ยงดู ดูแลเด็กเข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดเนื้อหาของรายการ เป็นรูปแบบการแลกเปลี่ยน เรียนรู้และบูรณาการโดยที่ทุกรายการยังคงยึดความสนุกสนาน เพื่อให้เข้าถึงเด็ก เกิดการเรียนรู้ พัฒนาอย่างแท้จริง อีกทั้งรายการเด็กต้องเป็นเสมือนคู่มือในการเลี้ยงลูกให้แก่พ่อแม่อีกด้วย” น.ส.เข็มพร กล่าว

ทำรายการเด็ก คุณรู้จักเด็กๆ ดีแค่ไหน?
เด็กๆ มีพัฒนาการทางธรรมชาติแตกต่างกันไปตามช่วงอายุ ทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ สติปัญญา อารมณ์ และสังคม ซึ่งผู้ทำรายการจำเป็นต้องเข้าใจลักษณะเฉพาะของพัฒนาการเด็กในวัยที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้สามารถสร้างสรรค์เนื้อหาและรูปแบบของรายการให้สอดคล้องเหมาะสม และตอบสนองได้ตรงจุดกับความต้องการที่ต่างกันของเด็กแต่ละช่วงวัย
เด็กเล็ก 0 – 3 ปี
ร่างกาย: เรียนรู้สิ่งรอบตัวด้วยการเคลื่อนไหวให้ร่างกายสัมผัสกับสิ่งต่างๆ
สติปัญญา: เรียนรู้จากผู้เลี้ยงดู และกระทำการเรียนรู้ซ้ำๆ จนเกิดการบันทึกจดจำ
อารมณ์จิตใจ: แสดงออกตามที่รู้สึก ต้องการความรักความเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด
สังคม: ผู้เลี้ยงดูเปรียบเหมือนโลกทั้งใบของเด็ก
ระวัง!: โทรทัศน์ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีเลยสำหรับการเลี้ยงดูเด็กเล็ก เพราะแสงวูบวาบและภาพเคลื่อนไหวในจออาจรบกวนการมองเห็น และยังดึงความสนใจ ทำให้เด็กวัยนี้ขาดโอกาสในการเรียนรู้แบบโต้ตอบ และขาดการเคลื่อนไหวของร่างกาย
สิ่งที่หนู Like: สื่อที่เหมาะกับวัยนี้คือนิทาน อ่านนิทานให้เด็กๆฟัง
เด็กก่อนวัยเรียน 3 – 5 ปี
ร่างกาย: เป็นวัยฝึกฝนการใช้ร่างกายให้คล่องเพื่อช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจำวัน
สติปัญญา: เริ่มมีพัฒนาการทางด้านภาษา และเรียนรู้จากการเล่นสมมติ แต่ระบบคิดยังไม่สามารถแยกความจริงออกจากจินตนาการได้
อารมณ์และจิตใจ: รับรู้อารมณ์คนรอบข้างได้ เอาตนเองเป็นศูนย์กลาง เล่นคนเดียวได้โดยไม่ต้องมีเพื่อน สังคม: ชอบทดลอง และเลียนแบบพฤติกรรมที่เห็น โดยไม่อาจแยกแยะอันตรายที่จะเกิดตามมา
ระวัง! : เด็กวัยนี้จะรับรู้ข้อมูลจากสื่อโดยซึมซับว่าเป็นความจริง การรับชมภาพที่น่ากลัวอาจทำให้เด็กตื่นตระหนกและคิดว่าสิ่งแวดล้อมน่ากลัว ไม่ควรให้เด็กวัยนี้ดูโทรทัศน์มากกว่าวันละ 1 ชั่วโมง การชมโทรทัศน์มากไปทำให้เด็กขาดการใช้จินตนาการ ทั้งยังรบกวนการพัฒนาสมาธิและการใช้ภาษาของเด็กด้วย
สิ่งนี้ที่หนู Like!: อยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรอบตัว ชอบเล่นสมมติ และชอบเรื่องราวแนวจินตนาการเหนือจริง (Fantasy) อย่างเทพนิยาย
แนวทางของรายการสำหรับเด็กก่อนวัยเรียน
เนื้อหาง่ายๆ ไม่ซับซ้อน ไม่ยาวเกินไปนัก เน้นการเรียนรู้ด้านภาษาและเปิดช่องสำหรับการเติบโตจินตนาการ อาจใช้ทั้งนิทาน / หุ่น / การ์ตูน / เพื่อสร้างเสริมให้กล้าแสดงออก
เด็กวัยเรียน 6 – 12 ปี
ร่างกาย: เริ่มใช้ทักษะทางร่างกายหลายด้านประสานกัน พัฒนาได้ด้วยการเล่นกีฬา
สติปัญญา: เป็นช่วงที่ระบบความคิดกำลังพัฒนาความเป็นเหตุเป็นผลและการแยกแยะความหมาย เป็นวัยที่สนใจหาความรู้ด้วยการอ่านหนังสือ
อารมณ์และจิตใจ: อยากรู้อยากเห็น และยังมีการเลียนแบบสูง โดยอาจไม่เข้าใจความหมายของพฤติกรรมที่ตนเองเลียนแบบ
สังคม: มีประสบการณ์ทางสังคมมากขึ้น สามารถแบ่งเวลาสำหรับการเล่นและเรียนรู้ เริ่มเรียนรู้การมีวินัยและความรับผิดชอบ
ระวัง! : เด็กวัยเรียนมีแนวโน้มสูงที่จะคล้อยตามและลอกเลียนแบบพฤติกรรมที่ตนเองเห็นในสื่อ เพราะคิดว่าเป็นค่านิยมที่ได้รับการยอมรับในสังคม
สิ่งนี้ที่หนู Like! : เริ่มสนใจสังคมรอบตัวที่กว้างกว่าพ่อแม่ และเริ่มสนใจโลกที่เป็นจริงมากขึ้น ความชอบอาจแตกต่างกันตามเพศ ของโปรดของเด็กชายอาจเป็นเรื่องผจญภัย ลึกลับ การประดิษฐ์ทดลองวิทยาศาสตร์ และเครื่องยนต์ สำหรับเด็กหญิงอาจเป็นชีวิตในบ้าน เรื่องรักๆใคร่ๆ และงานประดิษฐ์
แนวทางของรายการสำหรับเด็กวัยเรียน
เนื้อหาซับซ้อนขึ้น ใกล้เคียงกับชีวิตจริงหรือสังคมจริงๆ มากขึ้น และมีกลวิธีในการนำเสนอที่ดึงดูดความสนใจ และได้ลงมือทดลองและปฏิบัติด้วยตัวเอง หรือทำไปพร้อมๆกับรายการ โดยใช้ได้ทั้ง นิทาน / หุ่น / การ์ตูน / การแสดงออก / ละคร
เด็กวัยรุ่น 13 – 18 ปี
ร่างกายและอารมณ์: ร่างกายเปลี่ยนแปลงรวดเร็วจากการหลั่งฮอร์โมนในการเจริญเติบโตและฮอร์โมนเพศ ส่งผลให้อารมณ์ปั่นป่วนเปลี่ยนแปลงง่าย
สติปัญญา: มีการพัฒนาระบบความคิด สามารถแยกแยะและวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับ
จิตใจ: อยากเป็นผู้ใหญ่และมีพฤติกรรมเลียนแบบผู้ใหญ่เพื่อแสดงออกว่าโตแล้ว
สังคม: ต้องการการยอมรับในสังคม และเลือกรับสิ่งที่เป็นกระแสหลักได้ง่าย
ระวัง! : วัยรุ่นเป็นวัยแห่งการแสวงหาต้นแบบในอุดมคติ เหล่าดารานักร้องขวัญใจวัยรุ่น (Idol) จึงมีอิทธิพลอย่างสูงต่อความคิดและพฤติกรรมของวัยรุ่น ทั้งเรื่องภาพลักษณ์และการสร้างอารมณ์ร่วม
สิ่งนี้ที่เรา Like! : เพื่อนและความรักคือความสนใจหลักของวัยรุ่น ร่วมไปกับสิ่งทั้งหลายที่กำลังอยู่ในกระแส ไม่ว่าจะเป็นดารานักร้อง ภาพยนตร์ ดนตรี แฟชั่น หรือเทคโนโลยีการสื่อสาร
แนวทางของรายการสำหรับเด็กวัยรุ่น
นำเสนอเนื้อหาที่วัยรุ่นสนใจจริงๆ รวมถึงเรื่องการเข้าใจตัวเองทั้งด้านการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย อารมณ์ จิตใจ ความสัมพันธ์กับเพศตรงข้าม โดยมีความบันเทิงควบคู่ไปกับสาระ ช่วยส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพในด้านต่างๆ (เช่น กีฬา ดนตรี การเรียน ฯลฯ) และเป็นพื้นที่ที่เปิดโอกาสให้วัยรุ่นได้แสดงความสามารถ
หมายเหตุ การผลิตรายการแต่ละช่วงวัยนั้นควรจะกระตุ้นจินตนาการ ส่งเสริมให้เด็ก เยาวชนเกิดการเรียนรู้ต่อยอด ค้นคว้า และทดลองทำต่อ ด้วยตัวเอง