สื่อใสวัยทีนจับมือเด็กศรีปทุมเติมทักษะชีวิต “คิดเท่าทันตนเอง และสังคม”

“นิ้ว โป้งเอาไว้ยกขึ้นชมเพื่อน นิ้วก้อยเอาไว้ง้อเพื่อนเวลาเราทำผิด นิ้วชี้และนิ้วกลางยกขึ้นเพื่อให้กำลังใจเพื่อน ไหล่เอาไว้ให้เพื่อนซบเวลาเพื่อนมีปัญหา มือเอาไว้ปลอบโยนเพื่อนเวลาเพื่อนเสียใจ”

 

 

นี่เป็นส่วนหนึ่งจากความคิดเห็นในกิจกรรมเพื่อนที่ดี และเพื่อนที่ไม่ดี จากนักเรียนโรงเรียนปทุมพิทยาคม จำนวน 119 คน ที่เข้าร่วมค่ายพัฒนาทักษะชีวิต ระหว่างวันที่ 1 – 5 สิงหาคม 2556 ที่ผ่านมา ภายใต้โครงการสร้างเสริมทักษะชีวิตสู่สุขภาวะเด็กเยาวชน ซึ่งสนับสนุนโดยแผนงานสื่อสร้างสุขภาวะเยาวนชน(สสย.)

 

นางสาวอรทัย ครั้งพิบูล หรือ”พี่วี” กลุ่มสื่อใสวันทีนเล่าให้ฟังว่า “จากการดำเนินงานที่ผ่าน กลุ่มสื่อใสวัยทีน ได้เข้าไปจัดกิจกรรมกับเด็กและเยาวชนในสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จังหวัดอุบลราชธานี และศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนเขต 5 อุบลราชธานี โดยใช้ทั้งกระบวนการละคร และกระบวนการค่ายเพื่อพัฒนาทักษะชีวิตให้กับเด็กและเยาชนที่เข้าไปในสถาน พินิจฯ และศูนย์ฝึกฯ มีการพัฒนากระบวนการอย่างต่อเนื่องร่วมกับเจ้าหน้าที่ และภาคีเครือข่าย จนเกิดหลักสูตรค่ายพัฒนาทักษะชีวิตโดยมีระยะเวลา 5 วัน โดยปีนี้มีการขยายผลไปสู่เด็กและเยาวชนที่ยังไม่ได้เข้ามาในสถานพินิจฯ และศูนย์ฝึกฯ ซึ่งเป็นการทำงานเชิงป้องกันกับเด็กและเยาชนที่ยังไม่เคยกระทำผิด และทำงานเชิงแก้ไขในการพัฒนาทักษะชีวิตให้กับเด็กและเยาวชน ที่เข้ามาในสถานพินิจฯ และศูนย์ฝึกฯไปพร้อม ๆ กัน”

 

กระบวนการเรียนรู้ทั้ง 5 วันดำเนินไปอย่างเข้มข้น จากการสังเกตผู้เข้าร่วมทุกคนมีความสุขในการเข้าร่วมกระบวนการ มีการเปิดใจที่จะเรียนรู้ ให้เกียรติทีมงานพี่ๆสื่อใสวัยทีน ให้ความร่วมมือ กระตือรือร้นในการทำกิจกรรมมาก ช่วงเที่ยงช่วงพัก ผู้เข้าร่วมจะมารอร่วมกิจกรรมตลอดโดยไม่ต้องตามให้ยุ่งยาก มีความรับผิดชอบตรงต่อเวลา และช่วยเหลือกันในกลุ่มเป็นอย่างดี ผลัดกันขึ้นมาเป็นผู้นำและผู้ตาม มีคนพูดมีคนฟัง มีความคิดสร้างสรรค์ในการนำเสนอหรือการทำกิจกรรมอื่น ๆ แม้จะมีการจำกัดด้วยเวลาทุกคนก็สามารถทำได้ดี

 

จากการสรุปบทเรียนจาก น้อง ๆ กลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมกิจกรรมได้สะท้อนสิ่งที่ได้เรียนรู้ในเชิงผลการ เปลี่ยนแปลง ทั้งพฤติกรรม และความคิดในประสบการณ์ที่แตกต่างกัน เช่น

“มีน้ำใจต่อเพื่อนต่อพี่ๆ กล้าพูด กล้าถาม คิดอย่างมีเหตุมีผล คิดเป็นระบบมากขึ้น คิดถึงผู้อื่นมากขึ้น รู้จักแยกแยะเวลาเล่นและเวลาเรียนรู้ อยู่กับปัจจุบันใส่ใจกับสิ่งที่ทำ รู้จักเคารพในข้อตกลงที่ได้ยอมรับร่วมกัน มองโลกในเชิงบวก เชื่อว่าถ้าเราคิดดี ทำดี แล้วจะเกิดสิ่งดีๆกับตัวเอง การใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง และเห็นเป้าหมายชีวิตของตัวเองชัดเจนมากขึ้นได้วางแผนชีวิตว่าจะทำอย่างไร ให้ไปให้ถึงเป้าหมายที่เราวางไว้”

จากผลที่ปรากฏที่ผู้เข้าร่วมค่ายพัฒนาทักษะชีวิตสะท้อน พบว่าสิ่งสำคัญคือการพัฒนาความคิดตัวเอง และรู้สึกว่าจะต้องเปลี่ยนตัวเองเรื่องการเรียนให้ดีขึ้น ได้รู้อะไรเยอะขึ้นเกี่ยวกับการดำเนินชีวิต เรียนรู้ที่จะแก้ปัญหาของตัวเองให้ดีขึ้นไม่ทำประชดหรือทำให้ชีวิตแย่ลงกว่า เดิม ได้รู้จักเพื่อน และเข้าใจเพื่อน เข้าใจคนอื่น เข้าใจการทำให้ตัวเองมีคุณค่ามากขึ้น รู้ว่าเราควรจะทำตัวอย่างไรให้พอดี ไม่มากไป และไม่น้อยไป รู้กาลเทศะ เข้าใจในการใช้ชีวิตมากขึ้น และทุกอย่างที่รู้มาสามารถเอาไปใช้ในการดำเนินชีวิตได้เลย ซึ่งน่าจะอบรมให้คนทั้งโรงเรียนจะได้รู้เหมือนที่ตัวเองได้รู้ พวกเขาก็ยินดีที่จะเป็นพี่เลี้ยงในการถ่ายทอดประสบการณ์ให้กับเพื่อนต่อไป

 

“การดำเนินงานจัดค่ายเป็นไปได้ด้วยดี เพราะได้รับความร่วมมือจากผู้ใหญ่ใจดีทั้งท่านผศ.ชื่น ศรีสวัสดิ์ ผอ.ศสอ.ที่ลงไปเยี่ยมเยือนและให้กำลังใจทีมงานตลอด และท่านผู้อำนวยการ รองผู้อำนวยการ คณะครูโรงเรียนปทุมพิทยาคมที่เอื้ออำนวยความสะดวกทุกอย่าง ดูแลทีมงานเป็นอย่างดี และที่สำคัญช่วยหนุนเสริมกระบวนการลงเรียนรู้กับนักเรียนทุกวัน และเห็นความสำคัญที่จะเอากิจกรรมไปขยายผลต่อกับนักเรียนในชุมนุมที่สอนต่อ ไป” พี่วีกล่าวทิ้งท้าย