ชวนพ่อแม่เข้าใจวัยโจ๋ ผ่านซีรีส์ฮอร์โมน แนะเพิ่มภูมิทันโฆษณาแฝงล่อใจ

ถกซีรีส์ฮอร์โมน โยงสังคมไทย วอนพ่อแม่เข้าใจบริบทวัยรุ่นยุคใหม่ ปรับตัวเป็นตัวเป็นเพื่อนคู่คิดลูก พลิกวิกฤตเป็นโอกาสสร้างสายพันธ์ให้แนบแน่น พร้อมต้องเท่าทันและ รู้ทันโฆษณาแฝงที่สปอนเซอร์โฆษณาล่อใจเด็ก

 

วันนี้ 26 ส.ค. มูลนิธิเพื่อนเยาวชนเพื่อการพัฒนาร่วมกับ สถาบันสื่อเด็กเยาวชน จัดเวทีเสวนา ”ตื่นตัว ไม่ตื่นตูม…บทเรียนในฮอร์โมน วัยว้าวุ่น” เพื่อวิเคราะห์ปัญหามุมมองของวัยรุ่นและครอบครัว โดยมีเครือข่ายด้านครอบครัว/นักเรียน นักศึกษากว่า 200 คนเข้าร่วม เมื่อเวลา10.00น.ที่ศูนย์พัฒนาทุนมนุษย์ อาคาร ดร.ศิโรจน์ ผลพันธิน

 

นายสิริวัฒน์ ไกรสินธ์ อดีตประธานกรรมาธิการการศึกษา กล่าวว่า สิ่งแวดล้อม ทั้งครอบครัวและสังคม มีผลต่อพฤติกรรมของวัยรุ่น หากจะมองผ่านมุมมองด้านการศึกษาไทยนั้น ที่ผ่านมาเน้นให้เด็กท่องจำ เพื่อสอบแข่งขันเข้าศึกษาต่อ

“กระบวนการตีค่าเด็ก ถูกตีค่าที่การท่องจำและการทำข้อสอบ คุณค่าและสถานภาพเด็กจึงถูกตีค่าต่างออกไป เกิดการแข่งขัน โดยขาดการพัฒนาคุณภาพเด็กในด้านอื่นๆ หากจะปฏิรูปการศึกษากันจริงๆ ต้องทำทั้งระบบ เพื่อให้ทันกับสถานการณ์สื่อที่แวดล้อมเด็กเยอะขึ้น ต้องสร้างเครื่องมือให้เด็กเกิดภูมิคุ้มกัน” นายสิริวัฒน์กล่าว

 

นางฐาณิชชา ลิ้มพานิช ผู้จัดการมูลนิธิเครือข่ายครอบครัว กล่าวถึงกรณีซีรี่ส์ฮอร์โมน ว่าสะท้อนความจริงที่แรง แต่มีบางมุมที่ไม่สะท้อน ดังนั้นครอบครัวควรพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสเตรียมรับแล้วเรียนรู้ไปพร้อมๆกัน บางครอบครัวสามารถข้ามผ่านเรื่องเหล่านี้มาได้ เพราะเด็กสามารถควบคุมได้ด้วยพลังในทางบวก แม้พลังในด้านมืดจะออกมา แต่หากได้รับการอบรมที่ถูกต้อง มีพ่อแม่พยายามเป็นแบบอย่าง ส่งสายสัมพันธ์ที่ดีระหวางกัน ก็จะผ่านไปได้ แต่ถ้าไม่นั้นหมายถึงเขาจะผลักพ่อแม่ แล้วเข้าหากลุ่มเพื่อนซึ่งพูดภาษาเดียวกัน

 

“จากซีรี่ส์เรื่องดังกล่าว ในประเด็นที่เด็กค้นหาวิธีการใช้ยาคุมจากอินเตอร์เน็ต การใช้ยาคุมฉุกเฉิน ซึ่งถ้าหากพ่อแม่นั่งดูอยู่ด้วย ก็ควรใช้จังหวะนี้อธิบายให้เด็กๆเข้าใจถึงข้อเท็จจริงของการใช้ ซึ่งพ่อแม่ต้องพูดคุยกับลูกอย่างเปิดเผยในเรื่องเพศศึกษา เพราะการพูดคุยจะมีผลดีมากกว่าผลเสียแน่นอน” นางฐาณิชชากล่าว

 

นางศรีดา ตันฑะอธิพานิชย์ ผู้จัดการมูลนิธิอินเทอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทย กล่าวว่า หนังเรื่องนี้กล้าพูดในเรื่องที่พ่อแม่อาจตกใจ ซึ่งแล้วแต่ว่าจะหยิบจุดไหน และการเติมสีสันเพื่อสื่อให้ได้อรรถรสด้านอารมณ์ในการรับชม พ่อแม่ต้องเชื่อมโยงกับลูกในแต่ละประเด็น ไม่ใช่จับผิด ต้องฉีดภูมิคุ้มกันให้เขาก่อน และเมื่อเราไว้ใจก็จะได้เข้าใจเขา

 

“ซีรี่ส์เรื่องนี้แนะนำให้พ่อแม่ได้ดู แล้วเลือกมุมที่เป็นประโยชน์ เช่น เรื่องเซ็กส์ แอบสูบบุหรี่ เราควรเชื่อมโยงกับเขาพูดคุย ให้ซีรี่ส์เรื่องนี้เป็นสะพานเชื่อมบอกสิ่งที่เป็นประสบการณ์กับพ่อแม่ แง่คิดเพื่อให้เขามีภูมิคุ้มกัน ไม่ใช่ห้าม แต่ต้องเชื่อมโยงกับประสบการณ์ของพ่อแม่ คุยกันอย่างเป็นมิตร อย่าจับผิด เพราะการพูดคุยจะได้คำตอบ แนวคิดที่เป็นประโยชน์ส่งเสริมให้เท่าทันลูก หากใช้อำนาจ เด็กจะไม่เปิดแน่นนอน” นางศรีดา กล่าว

 

นางศรีดา กล่าวอีกว่า ประเด็นรู้เท่าทันสื่อ ที่ไม่ควรมองข้ามในซีรี่ส์เริ่องนี้คือ การโฆษณาแฝงที่พ่อแม่ ต้องอธิบายให้ลูกเข้าใจและเท่าทันพฤติกรรมเลียนแบบว่าไม่ควรทำตามพรีเซนเตอร์ ซึ่งก็คือตัวละครที่ใช้ของต่างๆ หรือมีโฆษณาแฝงเข้ามาอยู่ในฉาก โดยพ่อแม่ต้องคุยกับลูก ชี้ให้เห็นว่าสินค้ามากมายเหล่านั้นคือสปอนเซอร์ บริษัทหนังต้องการสปอนเซอร์ เพื่อให้เด็กรู้เท่าทันและไม่เลียนแบบตัวละคร

 

ด้าน นางทิชา ณ นคร ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนบ้านกาญจนาภิเษก กล่าวว่า ผู้ปกครองต้องยอมรับความจริงว่า บริยทวัยรุ่นในยุคนี้ต่างจากยุคของพวกเรา 360 องศา การปิดกั้น ไม่ให้เข้าถึงข้อมูล ความกลัว ตระหนกอาการแสดงออกของผู้ใหญ่ภายใต้อาการแบบนั้น ไม่ควรจะเกิดขึ้น เพราะจะทำให้เขารู้สึกอยู่คนละข้าง สิ่งที่เราต้องทำคือ ให้เขาหันกลับมาหาเราพูดคุยปรึกษา ต่อยอดความเช่วยเหลือ คลี่คลายปัญหามากกว่าปิดประตูใส่เขา

 

“การแสดงออกบนพื้นฐานความหวาดกลัวไม่ไว้ใจ ยิ่งทำให้สัมพันธ์ห่างไกลไม่ใช่เด็ก ไม่เห็นเงาความคิด แต่จะกระโดดไปไกล พ่อแม่ต้องพยายามเป็นมิตร เพื่อนทางความคิด เพราะเรามีประสบการณ์ ความเป็นผู้ใหญ่ รอบคอบ หากเราระแวงเขา ก็จะเลือกคนอื่น อย่างไรก็ตามครอบครัวควรมีพื้นที่ให้เขาแลกเปลี่ยน ไม่จำเป็นต้องสำเร็จรูปแบบฝรั่ง ที่ให้กล้าคิดกล้าทำเพราะไม่ได้หมายความว่าถ้าเป็นอย่างนั้นครอบครัวจะดีหมด แต่สิม่งสำคัญต้องอยู่บนบริบทสองส่วน คือ ประสบการณ์น้อย กับผ่านโลกมามาก เอาสองส่วนจุดแข็งจุดอ่อนมาเกื้อหนุนกัน” นางทิชา กล่าว