เช็คอิน “7 แลนด์มาร์ครองเมือง” ชมถิ่นวิถีสุข

จบลงไปแล้วกับ มหกรรม “รองเมือง…เรืองยิ้ม ตอน ชมถิ่น..วิถีสุข” เมื่อวันอาทิตย์ที่ 31 มกราคมที่ผ่านมา ที่จัดขึ้นบริเวณย่านถนนรองเมือง ข้างกำแพงสถานีรถไฟหัวลำโพง โดยครั้งนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 3 แล้ว และยังคงมีเด็ก เยาวชน และคนในชุมชนทั้ง 4 ชุมชน นั่นคือ ชุมชนวัดดวงแข ชุมชนแฟลตรถไฟ ชุมชนตรอกสลักหิน และชุมชนจรัสเมือง รวมทั้ง มูลนิธิเพื่อการพัฒนาเด็ก(มพด.) สถาบันสื่อเด็กและเยาวชน(สสย.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) และอีกหลายหน่วยงาน ร่วมแรงร่วมใจจัดขึ้น

“7 แลนด์มาร์ค ต้องห้ามพลาด”

ชวนไปชมชุมชนรองเมือง เพื่อเช็คอิน 7 สถานที่น่าสนใจ มีความสำคัญต่อคนในชุมชนและมีความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ยาวนานเริ่มกันที่ แลนด์มาร์คแรก คือ

บ้านไชโย หรือ บ้านเจ้าศักดิ์ประเสริฐ จำปาสัก
เป็นบ้านที่มีความเก่าแก่ยาวนาน ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ปัจจุบันเป็นศูนย์พัฒนาเด็กดวงแข มูลนิธิเพื่อการพัฒนาเด็ก ที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อเป็นศูนย์กลางทำกิจกรรม ทำให้เด็กมีพื้นที่สร้างสรรค์ อีกทั้งเป็นแหล่งเรียนรู้ สร้างพัฒนาการที่ดีให้กับเด็กในชุมชน อย่างเช่น สนามเด็กเล่น ห้องสมุด เป็นต้น และยังเป็นศูนย์บริการสุขภาพในชุมชนอีกด้วย

เดินมาเรื่อยๆ ก็ถึง แลนด์มาร์คที่ 2 คือ “ชุมชนศิลปะเรืองยิ้ม” ถึง แม้จะเป็นตรอกซอกซอยเล็กๆ แต่เต็มไปด้วยสีสันและความน่ารักของคนในชุมชน กำแพงที่ทอดยาวตลอดทางเดินถูกเติมเต็มไปด้วยภาพศิลปะที่บอกเล่าเรื่องราว วิถีชีวิตชุมชนรองเมือง ความคิดสร้างสรรค์ จินตนาการของเด็กและเยาวชน รวมไปถึงอาสาสมัครชุมชน ซึ่งการวาดภาพศิลปะเหล่านี้ นับว่าเป็นการสร้างสัมพันธ์ที่ดีร่วมกัน และชุมชนก็น่าอยู่ขึ้นไม่น้อยเลยทีเดียว

แลนด์มาร์คที่ 3 คือ “บ้านป้าลอ บ้านไม้100 ปี” ที่ ถูกสร้างมาพร้อมๆ กับชุมชนนี้เกิดขึ้น ปัจจุบันก็ยังคงความคลาสสิคมีสภาพสมบูรณ์ สวยงามอยู่มาก ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของชุมชนแห่งนี้เลยก็ว่าได้

ลัดเลาะตามตรอก ซอกซอยมาเรื่อยๆ  ก็จะมาถึง แลนด์มาร์คที่ 4 “ซอยงูเหลือม” ซอย นี้เป็นเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างชุมชนวัดดวงแขไปยังอีกฝั่งหนึ่ง และยังเชื่อมถึงชุมชนแฟลตรถไฟอีกด้วย ลักษณะเส้นทางนี้เป็นซอยเล็กและแคบ มีเส้นทางยาวที่คดเคี้ยวไปมา ประกอบความมืดและชื้น ชาวบ้านจึงเรียกกันว่า ‘ซอยงูเหลือม’ แต่ความพิเศษของซอยนี้คือ มีห้องเช่า มีผู้คนอาศัยอยู่ และมีร้านขายของชำอยู่ตลอดเส้นทาง

เดินข้ามฟากมายังชุมชนตรอกสลักหิน ก็จะเจอกับ แลนด์มาร์คที่ 5 “พื้นที่สร้างสรรค์ใต้ชุมชนทางด่วน” พื้นที่นี้ถูกพัฒนาจากแหล่งเสื่อมโทรมให้เป็นลานกิจกรรมเอนกประสงค์ของชุมชน ไม่ว่าจะเป็น สนามฟุตบอล สนามเด็กเล่น ลานออกกำลังกาย รวมถึงเป็นสถานจัดกิจกรรมสำคัญทางศาสนาและวันสำคัญต่างๆ

แลนด์มาร์คที่ 6 “ศาลเจ้าทีกง” ศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์ประจำชุมชนตรอกสลักหินที่มีความเก่าแก่กว่า 100 ปี มีกระถางธูปศักดิ์สิทธิ์อายุ 100 ปี และมีแปะกง เจ้าแม่กวนอิม เทพเจ้าไฉ่ซิงเอีย เจียงตีเอีย ประดิษฐานอยู่ซึ่งถือว่าเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของชุมชน และทุกๆ ปีชุมชนจะจัดงานเฉลิมฉลองและสักการะศาลเจ้า ด้วยการจัดแสดงงิ้ว 2 ครั้งต่อปี

เดินลัดเลาะมาถึง “ซุ้มประตูโบราณและซอยศิลปะ” แลนด์มาร์คที่ 7 ซึ่งเป็นที่สุดท้าย ซุ้มประตูที่เป็นร่องรอยอารยธรรมของไทยกับจีน มีความสวยงามและเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของชุมชนตรอกสลักหิน และบริเวณนี้ยังเป็นที่จัดแสดงงานศิลปะภาพถ่าย ภาพเพ้นท์สีน้ำมันและการเพ้นท์กำแพง ที่มาจากฝีมือของเด็กๆ และนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยศิลปากร อีกทั้งในปี 2499 ชุมชนแห่งนี้ยังเคยเป็นที่อยู่อาศัยของแก็ง 2499 อันธพาลครองเมือง อีกด้วย ถือว่าเป็นชุมชนที่มีความเป็นมาที่น่าสนใจไม่น้อย

เดินกันจนเหนื่อยแล้ว ท้องก็เริ่มร้องเป็นธรรมดา ย่านรองเมืองก็มีของกินขึ้นชื่ออยู่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ผัดไทยสายเดี่ยว หรือผัดไทยหน้าประตูวัดดวงแข, เม้ง หมูสะเต๊ะ 100 ปี ที่เจ้าของร้านบอกเองว่า สูตรหมักหมูและน้ำจิ้ม เป็นสูตรที่คิดค้นขึ้นตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และตบท้ายด้วย ขนมครก ป้าทองอินทร์ ที่กรอบนุ่ม และมีรสชาติหอมหวานกะทิ นอกจากนี้ยังมีเมนูอื่นๆ อีกมากมาย รับรองว่าใครแวะมาที่รองเมืองต้องติดใจแน่นอน

ช่วงวัน หยุด หรือวันว่าง หากใครไม่มีโปรแกรมจะไปไหน ลองมาเดินเล่นชมวิถีสุข ชุมชนเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในเมืองใหญ่ ซึ่งเป็นพื้นที่สร้างสรรค์ มี 3 ดี ทั้งพื้นที่ดี ภูมิดี สื่อดี นำไปสู่ชุมชนสุขภาวะ รับรองว่า หากใครได้มาเยือนต้องพกรอยยิ้มกลับไปทุกคน

หากสนใจลงพื้นที่ “ชุมชน 7 รองเมือง แลนด์มาร์ค ต้องห้ามพลาด” ต้องติดต่อเจ้าหน้าที่ ศูนย์ดวงแข มูลนิธิเพื่อการพัฒนาเด็ก ( มพด.) 344  ถ.รองเมือง แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน  กทม.10300 โทรศัพท์  02 – 215 6544 , 02 – 613 7932